วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

พงศาวดาร เรื่องเลียดก๊ก

ตำนาน  พงศาวดารจีน เรื่องเลียดก๊ก เล่ม ๑
ปฐมแผ่นดิน
ตอน  น้ำลายมังกร
                      แผ่นดินเมืองจีนนั้นเมืองโกเก๋งเป็นเมืองหลวง พระเจ้าชวนอ๋องเชื้อวงศ์พระเจ้าบู๊อ๋อง ได้เสวยราชสมบัติบำรุงอาณาประชาราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข หัวเมืองทั้งปวงมาขึ้นเมืองโกเก๋ง เหมือนพระเจ้าบู๊อ๋องครั้งแผ่นดินห้องสิน แต่ชาเตเจ้าเมืองเกียงหยงหัวเมืองตะวันตกนั้นตั้งแข็งเมืองอยู่ พระเจ้าชวนอ๋องจึงจัดแจงทหารเอกทหารเลวเป็นกระบวนทัพหลวง ยกไปตีเมืองเกียงหยง พระเจ้าชวนอ๋องเสียทีแก่ข้าศึก เสียทแกล้วทหารแลเครื่องสาตราวุธเป็นอันมาก จึงล่าทัพมาตั้งค่ายรวบรวมทแกล้วทหารอยู่ ณ เมืองไซง่วนให้สำรวจข้าวขึ้นฉาง และจัดเครื่องสาตราวุธแหลน หลาว ลูกเกาทัณฑ์ ใส่คลังไว้สำหรับจะได้จ่ายทหารเป็นอันมาก ตั้งเจ้าเมืองไซง่วนเป็นแม่ทัพ คุมทหารลาดตระเวนป้องกันกองทัพเมืองเกียงหยงอยู่ ณ ปลายแดนเมืองโกเก๋ง ครั้นแล้วพระเจ้าชวนอ๋องก็เสด็จกลับมา จะใกล้ถึงประตูเมืองหลวงพอเพลาค่ำ พระเจ้าชวนอ๋องได้ยินเสียงเด็กชาวบ้าน ตบมือร้องเพลงว่า หยิดเจียงบุตรฮอยเจียงเสงเอียบห่อกีหกกีบวงจิวก๊ก แปลว่า พระอาทิตย์จะตกต่ำ พระจันทร์จะขึ้น ตัดไม้ซองบกทำเกาทัณฑ์ เกี่ยวหญ้ามาสานเป็นซองใส่เกาทัณฑ์ เมืองจิวก๊กจะเสื่อมสูญ พระเจ้าชวนอ๋องได้ทรงฟังดังนั้น ก็ให้หยุดรถแล้วสั่งทหารให้ไปพาพวกเด็กซึ่งร้องเพลงนั้นมาหน้าที่นั่ง จึงตรัสถามว่า ผู้ใดสอนให้พวกเองร้องเพลงนี้ พวกเด็กจึงกราบทูลว่า เมื่อวันก่อนมีเด็กคนหนึ่งนุ่งแดงมาร้องเพลงอันนี้เล่น ข้าพเจ้าชอบใจจึงจำเพลงไว้ร้องเล่นต่อมา แต่เด็กคนนั้นหารู้แห่งว่าบ้านอยู่แห่งใดไม่ พระเจ้าชวนอ๋องจึงตรัสว่า เพลงนี้เป็นคำหยาบช้าแช่งบ้านเมืองไม่ควรจะร้องเล่น แต่นี้ไปถ้าพวกเองร้องเพลงนั้นเล่นอีกจะให้ลงโทษแก่บิดามารดา พระเจ้าชวนอ๋องก็ให้ปล่อยเด็กนั้นเสียแล้วเสด็จเข้าพระราชวัง ไม่สบายพระทัย ครั้นเพลาเช้าเสด็จออกจึงตรัสเล่าความเด็กทำเพลงนั้นให้ขุนนางทั้งปวงฟัง
                      เตียวเฮาเป็นที่ไทจงเปก หนักงานดูเหตุดีร้ายในแผ่นดินจึงทูลว่า ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูเห็นว่า เด็กน้อยซึ่งนุ่งแดงห่มแดงนั้น จะเป็นเทวดาแปลงลงมาร้องเพลงให้เด็กชาวเมืองจำได้ หวังจะให้รู้เหตุดีแลร้าย ซึ่งว่าพระอาทิตย์ตกต่ำพระจันทร์จะขึ้นนั้น เชื้อพระวงศ์ของพระองค์ซึ่งจะสืบกษัตริย์ไปภายหน้านั้น จะเสื่อมสูญเสียเกียรติยศลงทุกครั้งดังดวงอาทิตย์เมื่อบ่ายเย็น แซ่อื่นจะได้เป็นกษัตริย์สืบพระวงศ์เปรียบเหมือนพระจันทร์ข้างขึ้น ข้อซึ่งเอาไม้ซองบกทำเกาทัณฑ์ เป็นเหตุความห้ามการศึก พระเคราะห์เมืองร้ายนัก อาวุธเกาทัณฑ์จะเป็นปัจจามิตรแก่พระองค์ ขออย่าเพิ่งยกทัพหลวงไปจากพระนครเลย จงมีพระทัยโอบอ้อมอารีแก่ขุนนางอาณาประชาราษฎร และตั้งอยู่ในยุติธรรมแล้วเหตุลางทั้งนี้ก็จะค่อยทุเลาลง
                      พระเจ้าชวนอ๋องได้ทรงฟังดังนั้น ตกพระทัย จึงสั่งให้ขุนนางเมืองไซง่วนเอาลูกเกาทัณฑ์ซึ่งไว้สำหรับศึกนั้นเผาเสีย แล้วสั่งโจหยีให้มีกำหนดกฎหมายห้ามมิให้อาณาประชาราษฎรทำเกาทัณฑ์ขาย สั่งแล้วเสด็จเข้าสู่ที่ข้างใน นางเกียงฮองฮอมเหสีมาเฝ้าทูลว่า หญิงคนโทษเก่าต้องเวนจำอยู่ที่ตึกจำสงัดหาผัวมิได้ มีครรภ์แต่อายุสิบสองปี มาจนอายุห้าสิบสองปี แต่อยู่ในครรภ์สี่สิบปี เวลาคืนนี้คลอดบุตรเป็นหญิง ข้าพเจ้าเห็นจะเป็นอุบาทว์จัญไร จึงให้เอาบุตรหญิงนั้นใส่กระสอบไปทิ้งเสีย
                      พระเจ้าชวนอ๋องได้ฟังดังนั้นอัศจรรย์ใจนัก จึงให้ขันทีไปถามหญิงคนโทษว่า เมื่อจะมีครรภ์บุตรคนนี้มีเหตุประการใดบ้าง หญิงคนโทษจึงเล่าความว่า ครั้นแผ่นดินพระเจ้าเลอ๋อง ข้าพเจ้าเป็นข้าอยู่ในวังอายุได้สิบสองปี อยู่มาวันหนึ่งมีผู้เห็นรัศมีสว่างขึ้นในคลัง เจ้าพนักงานไขกุญแจหีบดู เห็นตะพาบน้ำอยู่บนถาดทอง จึงยกถาดตะพาบน้ำมาถวายพระเจ้าเลอ๋อง ข้าพเจ้าก็ได้แอบดูอยู่ที่ริมประตูเสด็จออก พระเจ้าเลอ๋องตรัสถามขุนนางทั้งปวงว่า แต่ก่อนถาดทองนี้ใส่สิ่งใดไว้ จึงบังเกิดเป็นตะพาบน้ำฉะนี้ ขุนนางผู้เฒ่าคนหนึ่งกราบทูลว่า ข้าพเจ้าได้ยินคำผู้ใหญ่เล่าสืบมาว่า ถาดทองใบนี้ใส่น้ำลายมังกร แต่ครั้งแผ่นดินพระเจ้าเคียดอ๋อง เมื่อจะได้น้ำลายมังกรนั้น วันหนึ่งพระเจ้าเคียดอ๋องเสด็จออกขุนนาง มีมังกรคู่หนึ่งมาพันกันตรงหน้าพระที่นั่ง พระเจ้าเคียดอ๋องตกพระทัยคิดว่าจะเป็นเหตุแก่ไพร่บ้านพลเมือง จึงให้ขุนนางพนักงานตั้งพลีกรรมบวงสรวงเสี่ยงทาย มังกรนั้นพูดได้ว่า เป็นปีศาจเสื้อเมือง จะมาให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข มังกรนั้นก็คายน้ำลายออก พระเจ้าเคียดอ๋องจึงให้เอาถาดทองรองน้ำลายมังกร ไปใส่หีบลั่นกุญแจเก็บไว้ในคลัง มังกรนั้นก็หายไปตั้งแต่แผ่นดินพระเจ้าเคียดอ๋องได้น้ำลายมังกร สืบกษัตริย์มาถึงยี่สิบแปดชั่วกษัตริย์ นับเป็นปีได้หกร้อยสี่สิบปี ถึงแผ่นดินพระเจ้าบู๊อ๋อง สืบกษัตริย์มาอีกสามร้อยปี ถึงแผ่นดินพระเจ้าเลอ๋อง ขณะเมื่อพระเจ้าเลอ๋องทอดพระเนตรน้ำลายมังกร ซึ่งกลายเป็นตะพาบน้ำนั้น ตะพาบน้ำนั้นก็โดดลงจากถาด คลานมาถึงประตูที่ข้าพเจ้าแอบอยู่ แล้วตะพาบน้ำหายไป ข้าพเจ้าตกใจตัวสั่น แต่เวลานั้นมา ให้บังเกิดอาเจียนเหมือนดังจะมีครรภ์ ท้องข้าพเจ้าก็เติบขึ้นกว่าปกติ คิดว่าจะเป็นโรค หาหมอรักษา กินยาหลายขนาน ครรภ์ข้าพเจ้ายิ่งโตขึ้นทุกวัน พระเจ้าเลอ๋องเห็นก็ทรงพระโกรธว่าข้าพเจ้าคบชาย มิได้ไต่ถาม ให้เอาตัวข้าพเจ้าคุมไว้ที่ตึกจำสงัด แต่อายุสิบสองปีมาจนอายุข้าพเจ้าทุกวันนี้ได้ห้าสิบสองปี จึงคลอดบุตรเมื่อเพลาคืนนี้ พระมเหสีทราบความเห็นว่าบุตรข้าพเจ้าเป็นอุบาทว์บ้านเมือง จึงให้เอาไปทิ้งเสีย ขันทีผู้รับสั่งก็จดหมายเอาถ้อยคำหญิงคนโทษขึ้นมากราบทูล พระเจ้าชวนอ๋องแจ้งดังนั้น จึงตรัสว่า เหตุทั้งนี้ด้วยเทวดาอาเพศจะให้เป็นวิปริตในการแผ่นดิน ครั้นจะให้มีโทษแก่หญิงนั้นเล่าก็ไม่ควร พระเจ้าชวนอ๋องจึงโปรดให้หญิงนั้นพ้นโทษ แล้วให้หาเปกเอียงอูเข้ามา ตรัสเล่าเหตุลาง ซึ่งหญิงมีครรภ์คลอดบุตรนั้น ให้เปกเอียงอูฟัง แล้วตรัสว่าเหตุทั้งนี้จะดีหรือร้าย เปกเอียงอูจึงกราบทูลว่า บุตรหญิงคนโทษนั้นเป็นอุบาทว์เมือง เหตุลางทั้งนี้เห็นประกอบกันกับที่เด็กร้องเพลง นานไปหญิงทารกนั้นใหญ่ขึ้นจะทำให้บ้านเมืองวิบัติ ต่าง ๆ   (โปรดติดตามตอนต่อไป)